คดี “วัดนาป่าพง” บิ๊กเต่า รอข้อมูลธนาคาร สอบเส้นเงิน 500 ล้าน ก่อนออกหมายจับ

บิ๊กเต่า เผยคืบหน้าคดี “วัดนาป่าพง” รอสเตตเมนต์จากธนาคารตรวจสอบเส้นเงิน 500 ล้านบาท จากนั้นจะพิจารณาออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัด ด้านสีกาเยอรมนี เตรียมเข้าชี้แจง 2 ต.ค. 68

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าหลังทนายจากวัดนาป่าพง เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. และกองปราบฯ เมื่อวานนี้ว่า ทนายความของวัด นำเอกสารมาชี้แจงเรื่องยอดเงินวัดตั้งแต่ปี 56-59 ประมาณ 500 ล้านบาท ที่มีการฟ้องร้องกัน เบื้องต้นยังไม่มีการลงรายละเอียด เป็นเพียงการเดินทางมาชี้แจงที่ไปที่มาของเงินภายในวัด พนักงานสอบสวนรับไว้ดำเนินการแล้ว นอกจากนี้สีกาประเทศเยอรมนี มีการประสานมาหา เพื่อจะเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ในวันที่ 2 ตุลาคม 2568

ส่วนสำนวนคดีนี้ได้ส่งไปที่ ป.ป.ช. แล้ว แต่ตำรวจ บก.ปปป. ยังมีอำนาจในการสืบสวน สอบปากคำได้อยู่ โดยการสอบปากคำยังมีอีกหลายประเด็น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเอกสารที่ได้มา

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตการมาดำเนินคดีในประเทศไทย เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้คดีที่ประเทศเยอรมนีเกี่ยวข้องกันหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า เป็นเรื่องที่ฟ้องกันไปฟ้องกันมา มีทั้งจริงและเท็จ เป็นเรื่องที่คู่กรณีดำเนินการกัน จะจริงหรือเท็จ ตำรวจมีหน้าที่ต้องตรวจสอบ ทุกบัญชีที่เปิดไว้ หรือเงินที่โอนเข้าไปในบัญชีต่างๆ ตำรวจจะมุ่งไปในประเด็นบัญชีวัด ส่วนการฟ้องร้องที่เกิดขึ้นจะเป็นการยักยอกทรัพย์หรือไม่ หรือเจ้าอาวาสได้เงินมาแล้วนำเงินไปใช้ไม่ได้เข้ามูลนิธิจริงหรือไม่ หรือสีกาประเทศเยอรมนีมีการทุจริตเงินหรือไม่ ล้วนเป็นเรื่องที่ฟ้องร้องกันทั้งหมด เจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบพยานหลักฐานของทั้ง 2 ฝั่ง ไม่เกี่ยวข้องว่ามีคดีในประเทศเยอรมนีหรือไม่

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า ตำรวจสนใจบัญชีวัด และไม่ได้นิ่งนอนใจ ภายในสัปดาห์นี้จะมีการเรียกประชุมชุดสืบสวน และชุดที่ได้รับเรื่องร้องทุกข์ของ บก.ปปป. ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ แต่ทั้งนี้ขอให้ได้เอกสารที่ขอไปก่อน เพราะตอนนี้เราต้องการสเตตเมนต์จากธนาคาร และพยานต่างๆ ที่จะต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันพยานหลักฐาน ส่วนการขอสเตตเมนต์จากธนาคาร ทั้งนี้เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เนื่องจากเวลาพนักงานสอบสวนจะดำเนินการจะต้องมีพยานหลักฐานจากฝั่งตำรวจเอง ไม่ได้เอาพยานหลักฐานจากคนอื่นมาดำเนินการ แล้วไปกล่าวหาใคร หลังตำรวจได้พยานหลักฐานมาแล้ว อาจจะมีการพิจารณาออกหมายจับบุคคลที่มีอำนาจหรือเกี่ยวข้องกับบัญชีของวัดต่อไป