Saturday, September 27, 2025
Google search engine
HomeLatest News“วรภัค” เผย สมาคมธนาคารไทย ชง 4 นโยบายเร่งด่วน +4 มาตรการเสริมแก้เศรษฐกิจไทย

“วรภัค” เผย สมาคมธนาคารไทย ชง 4 นโยบายเร่งด่วน +4 มาตรการเสริมแก้เศรษฐกิจไทย

รมช.คลัง “วรภัค ธันยาวงษ์” เผย “นายกฯ อนุทิน-เอกนิติ” ถกสมาคมธนาคารไทย ฟังคำแนะนำด้านเศรษฐกิจ เสนอนโยบาย 4 เร่งด่วน + 4 มาตรการเสริม ดึงเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบ แก้หนี้ครัวเรือน ใช้ PromptBiz และเครื่องมือช่วย SMEs

วันที่ 23 กันยายน 2568 นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เช้าวันที่ 22 กันยายน 2568 สมาคมธนาคารไทยเปิดบ้านต้อนรับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และคณะ ครม.เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 58 ปี เพื่อรับฟังข้อมูลปัญหาและคำแนะนำต่างๆ จากสมาคมธนาคารไทย ซึ่งถือว่าเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจอีกแห่งหนึ่ง นายกฯ อนุทินและรองนายกฯ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รู้จัก CEO ของธนาคารไทยแทบจะทุกท่าน บรรยากาศการพูดคุยเลยค่อนข้างผ่อนคลายเป็นกันเองและเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างมีอรรถรส

โดยมีสาระสำคัญ คือ เรื่อง Perfect Storm: ภาพเศรษฐกิจที่สมาคมธนาคารฉายภาพ ในสายตาของสมาคมฯ ไทยกำลังเจอปัญหาหลายด้านพุ่งชนกันพอดี โครงสร้างเดิมที่เปราะบาง เศรษฐกิจนอกระบบยังใหญ่โตถึง 48% ของ GDP เกินกว่าหลายประเทศในเอเชีย ทำให้การจัดเก็บภาษีไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ความเหลื่อมล้ำสูง และค่าเงินบาทถูกโยกด้วยธุรกรรมทอง–คริปโต หนี้ครัวเรือนก็สูงลิ่วกว่า 100% ต่อ GDP รวมทั้งในและนอกระบบ

ความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง ไทยเสมือน “เครื่องยนต์ติดขัด” คาด GDP โตเฉลี่ยแค่ 2.1% ใน 5 ปีข้างหน้า ต่ำสุดในอาเซียน ขณะที่ FDI ไหลเข้าน้อย เงินทุนไทยกลับไหลออกไปลงทุนต่างประเทศแทน

ภาครัฐที่ท้าทายไม่แพ้กัน กฎหมายและกฎระเบียบมากกว่า แสนฉบับ กำลังกลายเป็นภาระ ธุรกิจต้องแบกต้นทุนแฝงสูง ข้อมูลหน่วยงานรัฐไม่เชื่อมกันจนถึงขั้น “หาสาเหตุค่าเงินบาทแข็งค่าไม่ได้” ขณะที่หนี้สาธารณะพุ่งขึ้นต่อเนื่อง

Reinvent Thailand: ข้อเสนอใหญ่จากสมาคมธนาคาร สมาคมไม่ได้มาเพียงบ่น แต่แพลตฟอร์ม “Reinvent Thailand” เป็นเวทีร่วมมือระหว่างรัฐ–เอกชน–การเงิน แนวคิดคือ “ไม่ใช่คุยแล้วจบ” แต่ต้องมี ข้อมูลนำทาง (Data-driven), เจ้าภาพชัดเจน, KPI วัดผล, และแรงจูงใจที่ถูกต้อง

ส่วน 3 แนวทางหลักที่สมาคมธนาคารไทยแนะนำ ในด้านภาคประชาชน จัดตั้ง JV-AMC ระหว่างธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อซื้อหนี้เสียรายย่อยมาบริหารใหม่ กำหนดให้ผู้ให้กู้ทุกรายต้องรายงานข้อมูลเครดิต เข้า NCB แล้วสร้าง National Credit Score เพื่อให้ทุกคนถูกประเมินความเสี่ยงด้วยมาตรฐานเดียว

ขณะที่ ภาคธุรกิจ ต้องผลักดันโครงการ “Greenly Made by Thais” (GMBT) เพื่อให้สินค้าส่งออกไทยมีแต้มต่อด้าน ESG และการใช้วัตถุดิบในประเทศ รวมถึงมาตรการ “พี่ช่วยน้อง” ให้บริษัทใหญ่ช่วย SMEs ในห่วงโซ่อุปทาน และใช้เครื่องมือใหม่ เช่น Digital Lending Platform และ PromptBiz เพื่อลดต้นทุนธุรกิจ

ส่วนภาครัฐ ใช้งบจัดซื้อจัดจ้างปีละ 1.7 ล้านล้านบาท เป็นคันโยกหนุน SMEs และสินค้ากลุ่ม GMBT รวมถึงปรับโครงสร้างกฎระเบียบ ลดขั้นตอนและความซ้ำซ้อน

นโยบายเร่งด่วน 4+4

ทางสมาคมฯ ได้สรุปเป็น 4 ประเด็นหลัก + 4 มาตรการเสริม

1. ดึงเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบ

2. แก้หนี้ครัวเรือนด้วย AMC และ National Credit Score

3. เพิ่มรายได้ครัวเรือน ผ่านการอัพสกิลและค่าตอบแทน

4. กระตุ้นการลงทุนในประเทศ ดึง FDI และหนุน local content

+4 เสริม: ใช้ PromptBiz, ปรับ บสย., เครื่องมือช่วย SMEs

ข้อเสนอของสมาคมธนาคารไทยครั้งนี้ไม่ใช่เพียงรายงานเชิงเทคนิค แต่คือ สัญญาณเตือนว่าเศรษฐกิจไทยกำลังถูกล้อมด้วยความเสี่ยงรอบด้าน หากรัฐบาลกล้าลงมือจริงตามแนวทางเหล่านี้ ประเทศไทยยังมีโอกาสสร้างรอบใหม่ของการเติบโตและก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางได้

 

ซึ่งข้อแนะนำบางอย่างท่านนายกฯ ก็มีแนวทางสั่งการให้ท่านรองนายกฯ เศรษฐกิจ ได้เตรียมนโยบายไว้อยู่แล้ว อาทิเช่น การแก้หนี้ภาคครัวเรือน การเสริมสภาพคล่องธุรกิจเอสเอ็มอี การกระตุ้นเศรษฐกิจแบบทำสั้นแต่ได้ยาว การอำนวยความสะดวกและดึงดูดการลงทุนระยะยาว ในอุตสาหกรรมเป้าหมายจากต่างประเทศ เป็นต้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

RELATED ARTICLES

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

- Advertisment -
Google search engine

Most Popular

Recent Comments